หุ้น Freeport-McMoRan (FCX.US) ร่วงเกือบ 4% หลังถูก Morgan Stanley ปรับลดคำแนะนำ แม้ราคาทองแดง-ทองคำจะยังดูดี 📉
หุ้นของบริษัท Freeport-McMoRan ร่วงเกือบ 4% ในการซื้อขายวันอังคาร หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับลดคำแนะนำการลงทุน ซึ่งกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้ภาพรวมของตลาดทองแดงและทองคำจะยังเป็นบวกก็ตาม
การปรับลดนี้สะท้อนความกังวลว่า แรงบวกจากปัจจัยระยะสั้นอาจถูกสะท้อนเข้าในราคาหุ้นไปแล้วพอสมควร — โดยมุมมองของนักกลยุทธ์บางรายมองว่า อัพไซด์ในระยะสั้นมีจำกัด
เริ่มเทรดทันทีวันนี้ หรือ ลองใช้บัญชีทดลองแบบไร้ความเสี่ยง
เปิดบัญชี ลองบัญชีเดโม่ ดาวน์โหลดแอปมือถือ ดาวน์โหลดแอปมือถือMorgan Stanley ปรับลดคำแนะนำจาก “Overweight” เป็น “Equalweight”
แม้ Morgan Stanley จะปรับ ราคาเป้าหมายขึ้นจาก $45 เป็น $54 แต่ก็ลดคำแนะนำหุ้น Freeport-McMoRan จากระดับ “Overweight” เป็น “Equalweight” โดยให้เหตุผลว่า ความเสี่ยงและผลตอบแทนเริ่ม “สมดุลมากขึ้น”
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้พื้นฐานระยะยาวจะยังแข็งแกร่ง แต่ในระยะสั้น ไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ที่ชัดเจน จึงลดความตื่นตัวของนักลงทุนลง หลังหุ้นปรับขึ้นถึง 20.8% ตั้งแต่ต้นปี (อ้างอิงจาก InvestingPro)
แรงกดดันจากภาษีนำเข้าทองแดงสหรัฐฯ
แม้บริษัทจะมีโอกาสได้ประโยชน์จาก ภาษีนำเข้าทองแดง 50% ที่สหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บ ซึ่งอาจดันราคาทองแดงในประเทศ (COMEX) ขึ้น แต่ Morgan Stanley กลับมองว่าภาษีดังกล่าว อาจกระทบฝั่งดีมานด์ และเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจของ Freeport
ปัจจัยอื่นที่นักวิเคราะห์ให้ความสำคัญ
-
Valuation: หุ้นซื้อขายที่ 5.1 เท่าของประมาณการ EBITDA ปี 2026 และ 12.3 เท่าของ EPS ปี 2026 ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี แต่ราคาปัจจุบัน (~$46) เริ่มเข้าใกล้ “มูลค่าที่เหมาะสม”
-
ความเสี่ยงด้านนโยบายในอินโดนีเซีย: โบรกเกอร์อย่าง Raymond James เน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและนโยบายในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นฐานสินทรัพย์สำคัญของ Freeport
ความเห็นของนักวิเคราะห์รายอื่น
-
Citi คงคำแนะนำ "Neutral"
-
Stifel และ CFRA ยังคงมุมมองเชิงบวก โดยให้ราคาเป้าหมายที่ $56 และ $57 ตามลำดับ
-
อย่างไรก็ตาม การปรับลดของ Morgan Stanley ในวันนี้ สะท้อนความเห็นที่แตกต่างมากขึ้นในตลาดนักวิเคราะห์ และส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนระยะสั้น
สรุป
แรงเทขายในหุ้น Freeport วันนี้ ไม่ได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก แต่เป็นการ “ปรับพอร์ตและคาดหวังใหม่” หลังหุ้นพุ่งแรงในช่วงครึ่งปีแรก โดยตลาดเริ่มตั้งคำถามว่า หากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ จะยังมีแรงหนุนให้ราคาหุ้นไปต่อหรือไม่

Source: xStation5