- ภาพรวมก่อนประกาศผลของ Palantir: การเติบโตแข็งแกร่ง แต่มูลค่าหุ้นเริ่มตึงตัว
 - นักลงทุนคาดว่า รายได้ของ Palantir จะเติบโตมากกว่า 50% ขณะที่ กำไรต่อหุ้น (EPS) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 70% สะท้อนแรงหนุนจากการขยายตัวของธุรกิจ Palantir AIP (Artificial Intelligence Platform) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตประมาณ 20%
 - อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้นของ Palantir ในปัจจุบันถือว่าสูง โดยมี อัตราส่วน P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมถึง 20 เท่า ซึ่งอาจสะท้อนความคาดหวังของตลาดที่ “สูงเกินไป”
 - แม้บริษัทจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ การพึ่งพารายได้จากแหล่งที่จำกัด โดยเฉพาะในภาครัฐ ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตา เนื่องจากอาจกระทบต่อความยั่งยืนของรายได้ในระยะยาว
 - โดยสรุป Palantir กำลังอยู่ในช่วง “เติบโตแรงแต่คาดหวังสูง” — ผลประกอบการที่จะประกาศจะเป็นบททดสอบสำคัญว่าบริษัทสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ได้หรือไม่
 
- ภาพรวมก่อนประกาศผลของ Palantir: การเติบโตแข็งแกร่ง แต่มูลค่าหุ้นเริ่มตึงตัว
 - นักลงทุนคาดว่า รายได้ของ Palantir จะเติบโตมากกว่า 50% ขณะที่ กำไรต่อหุ้น (EPS) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 70% สะท้อนแรงหนุนจากการขยายตัวของธุรกิจ Palantir AIP (Artificial Intelligence Platform) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตประมาณ 20%
 - อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้นของ Palantir ในปัจจุบันถือว่าสูง โดยมี อัตราส่วน P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมถึง 20 เท่า ซึ่งอาจสะท้อนความคาดหวังของตลาดที่ “สูงเกินไป”
 - แม้บริษัทจะมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ การพึ่งพารายได้จากแหล่งที่จำกัด โดยเฉพาะในภาครัฐ ยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตา เนื่องจากอาจกระทบต่อความยั่งยืนของรายได้ในระยะยาว
 - โดยสรุป Palantir กำลังอยู่ในช่วง “เติบโตแรงแต่คาดหวังสูง” — ผลประกอบการที่จะประกาศจะเป็นบททดสอบสำคัญว่าบริษัทสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ได้หรือไม่
 
ภาพรวมก่อนประกาศผลของ Palantir: การเติบโตแบบก้าวกระโดดท่ามกลางมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง
หลังปิดตลาดวอลล์สตรีทวันจันทร์ หนึ่งในบริษัท AI ที่ใหญ่และมีความขัดแย้งมากที่สุดในโลก — Palantir Technologies จะเปิดเผยผลประกอบการล่าสุด บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกันที่มีสำนักงานใหญ่ในเดนเวอร์แห่งนี้ ได้เปลี่ยนจากสตาร์ทอัพเฉพาะทางมาเป็นหนึ่งใน 20 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
Palantir มีสองหน่วยธุรกิจหลัก ได้แก่ ภาครัฐ (Government) และ ภาคเอกชน (Commercial) โดยระบบ AI ของบริษัทถูกนำไปใช้ทั้งในการดำเนินงานของหน่วยข่าวกรองและกองทัพตะวันตก รวมถึงในกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ
แม้บริษัทจะได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก แต่ก็เผชิญกับเสียงวิจารณ์ในระดับเดียวกัน — ทั้งในแง่ของผลประกอบการ แนวโน้ม และ มูลค่าหุ้นที่สูงผิดปกติ จุดแข็งของ Palantir คือการเติบโตที่รวดเร็ว สม่ำเสมอ และอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทบันทึกการเติบโตของรายได้ระดับ สองหลักต่อเนื่องกันแปดไตรมาส และยังมีอัตราเร่งของการเติบโตเพิ่มขึ้น หากบริษัทสามารถรักษาแนวโน้มนี้ได้ต่อเนื่อง รายได้อาจ “เพิ่มขึ้นเท่าตัวทุก 4–5 ปี”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากกังวลคือ อัตราส่วนมูลค่าหุ้น (Valuation Metrics) ที่สูงเกินจริง —
- 
	
P/E Ratio มากกว่า 660 เท่า (สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมถึง 20 เท่า)
 - 
	
Forward P/E มากกว่า 200 เท่า (เกือบ 40 เท่าของอุตสาหกรรม)
 - 
	
Forward P/S ราว 100 เท่า (มากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมประมาณ 10 เท่า)
 
ตัวเลขเหล่านี้ดูเหมือนจะ “ไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน Palantir” อีกต่อไป แต่เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าความเชื่อมั่นนั้นมีเหตุผลเพียงใด
สำหรับผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2025 ตลาดคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 1.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งสัดส่วนระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐประมาณ 40/60 ซึ่งหากเป็นจริงจะหมายถึงการเติบโต 50.5% YoY และสูงกว่าที่ฝ่ายบริหารคาดการณ์ไว้ที่ 1.08 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ กำไรต่อหุ้น (EPS) คาดอยู่ที่ 0.17 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 70% YoY
ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจับตา:
- 
	
Palantir AIP (AI Platform): หนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลัก โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ฝ่ายเอกชน นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับอัตราการเติบโตของรายได้จากแพลตฟอร์มนี้ รวมถึงอัตราการเปลี่ยนจาก “ทดสอบใช้งาน” เป็น “ใช้งานจริง” ซึ่งก่อนหน้านี้รายได้จากแพลตฟอร์มนี้เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อไตรมาส
 - 
	
สัญญาภาครัฐ: นักลงทุนจะรอฟังข้อมูลเกี่ยวกับสถานะและแนวโน้มของสัญญาภาครัฐ โดยเฉพาะกับ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DoD) ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ทั้งนี้ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ “ปิดทำการชั่วคราว (shutdown)” อาจกระทบต่อรายได้ในระยะสั้น
 - 
	
ฐานลูกค้าจำกัดและราคาสูง: บริการของ Palantir มีราคาสูงและเฉพาะทาง ทำให้ฐานลูกค้าค่อนข้างแคบ ตัวชี้วัดด้าน มูลค่าสัญญารวม (TCV) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 222% YoY ในไตรมาสก่อน จะเป็นอีกจุดที่ตลาดคาดหวังว่าบริษัทต้องรักษาอัตราเติบโตในระดับสูงเพื่อให้สมเหตุสมผลกับมูลค่าหุ้นในปัจจุบัน
 
ความเสี่ยงหลัก (Threats)
- 
	
Government Shutdown: การหยุดทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมากกว่า 1 เดือน อาจกระทบต่อรายได้และอัตราการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
 - 
	
การขาดการกระจายรายได้: แม้รายได้จะเติบโตตามคาด แต่การพึ่งพารายได้จากภาครัฐเป็นหลักยังคงสร้างความกังวล
 - 
	
คาดหวังสูงเกินไป: ตลาดตั้งเป้าการเติบโตของกำไร อัตรากำไรขั้นต้น และรายได้ในระดับ “หลายสิบถึงหลายร้อยเปอร์เซ็นต์” ซึ่งอาจเป็นแรงกดดัน หากผลลัพธ์จริงต่ำกว่าความคาดหวัง
 
โอกาส (Opportunities)
- 
	
การขยายฐานลูกค้าและพันธมิตรใหม่: แม้ Palantir จะมีฐานลูกค้าจำนวนจำกัด แต่การได้ลูกค้าเพิ่มเพียงไม่กี่รายอาจสร้างรายได้ระดับพันล้านดอลลาร์ในอนาคต เนื่องจากมี “leverage” สูงในต้นทุนการดำเนินงาน
 - 
	
พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: ความร่วมมือกับองค์กรขนาดใหญ่หรือสถาบันวิจัยสามารถช่วยลดต้นทุน R&D และเปิดช่องทางการกระจายผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
 
โดยสรุป ความคาดหวังต่อผลประกอบการของ Palantir อยู่ในระดับ “สูงเป็นประวัติการณ์” ทั้งในแง่ของตัวเลขและมูลค่าหุ้น บริษัทไม่เคยมี “ความล้มเหลวด้านกำไร” ที่รุนแรงมาก่อน แต่หากผลลัพธ์ไตรมาสนี้ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ การปรับฐานของราคาหุ้นอาจรุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม การ “เดิมพันกับการชะลอตัวของ Palantir” ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย — เพราะบริษัทนี้ผูกพันกับงบประมาณมหาศาลของภาครัฐและหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ อย่างลึกซึ้ง
PLTR.US (D1)
Source: xStation5
US OPEN: Powell, MAG7 และ Trump ผสมความรู้สึกนักลงทุน
Apple Preview: ตลาดเอเชียจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการหรือไม่?
Microsoft รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2026 โดยตัวเลขทางการเงินยังแข็งแกร่ง
Alphabet พุ่งแรงหลังรายงานผลประกอบการขับเคลื่อนด้วย AI หุ้นปรับตัวเพิ่ม 7% หลังปิดตลาด