Micron Technology และคู่แข่งอย่าง SK Hynix กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งในตลาดหน่วยความจำเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในกลุ่ม หน่วยความจำความเร็วสูง (High Bandwidth Memory – HBM) 💾📈
SK Hynix รายงานว่ายอดขายชิปหน่วยความจำทั้งหมดสำหรับปี 2026 ถูกจองเต็มแล้ว และมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ช่วง “Supercycle” — ช่วงเวลาที่ยาวนานของความต้องการที่พุ่งสูงเป็นพิเศษ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ โครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) 🌐🚀
การคาดการณ์ระยะยาวสำหรับตลาด HBM (High Bandwidth Memory) มีแนวโน้มที่สดใสมาก
SK Hynix ประเมินว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 30% จนถึงปี 2030 ซึ่งอาจทำให้มูลค่าตลาดสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของ Micron อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทถือเป็นหนึ่งใน ผู้ผลิต HBM ชั้นนำ 3 รายของโลก โดยชิป HBM3e ของ SK Hynix ได้ถูกนำไปใช้แล้วในโซลูชันกราฟิกของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายราย รวมถึง Nvidia
สภาพตลาดในปัจจุบันเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตหน่วยความจำความเร็วสูง เนื่องจากการเติบโตของ AI, Big Data และ แอปพลิเคชันขั้นสูง ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน อุปทานที่จำกัดและอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดที่สูง ช่วยให้ผู้นำตลาดสามารถขยายส่วนแบ่งและรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันได้
ตั้งแต่ต้นปี หุ้นของ Micron ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าดัชนี S&P 500 อย่างชัดเจน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ยังต้องระมัดระวัง ความเสี่ยงจากการแข่งขันด้านเทคโนโลยี, แรงกดดันจากคู่แข่ง, และ นโยบายเศรษฐกิจโลก รวมถึงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และข้อจำกัดด้านการส่งออก ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของอุตสาหกรรมในอนาคต
Micron เผชิญโอกาสการเติบโตที่สำคัญ เนื่องจากกระแสความนิยมของ AI และความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ หน่วยความจำ HBM ขั้นสูง ซึ่งสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตต่อเนื่องทั้งในผลประกอบการทางการเงินและมูลค่าหุ้นของบริษัท
ตลาดเด่น: OIL.WTI
ข่าวเด่นวันนี้
Siemens หลังประกาศผลประกอบการ: อะไรที่ผิดพลาด?
ข่าวเด่น: ปริมาณน้ำมันคงคลังเพิ่มขึ้นเกินคาด! 🛢️📈